โรคปวดหลัง
ทำไมถึงเกิดอาการปวดหลังบ่อย
โรคปวดหลังเป็นหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ
พบว่าผู้ใหญ่ประมาณ 4 คนใน 5 คนเคยมีอาการปวดหลัง
ซึ่งเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้ผู้ป่วยหยุดงาน และขาดรายได้
กระดูกสันหลังบริเวณบั้นเอวประกอบด้วยโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อที่ซับซ้อน
เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างร่างกายส่วนบน(ทรวงอก และแขน) กับร่างกายส่วนล่าง(เชิงกราน
และขา) กระดูกสันหลังส่วนนี้มีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนไหว เช่นการหันตัว การเอนตัว
ก้มตัว รวมถึงช่วยในเรื่องของความแข็งแรงที่สามารถทำให้เรายืน เดิน และยกของได้
การทำงานที่เหมาะสมของกล้ามเนื้อ
และกระดูกสันหลังส่วนล่างนี้มีความจำป็นต่อกิจวัตรประจำวันตลอดเวลา
อาการปวดหลังที่เกิดขึ้นจะทำให้เราไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
เดินหรือเคลื่อนไหวได้ลำบาก และทำให้คุณภาพของชีวิตแย่ลง
ให้การวินิจฉัยโรคปวดหลังได้อย่างไร
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนใหญ่มักจะไม่รุนแรง
และสามารถตอบสนองได้ดีต่อการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
หรือการรับประทานยาแก้ปวด ศัลยแพทย์กระดูกสามารถวินิจฉัยได้จากการซักประวัติ
ตรวจร่างกายอย่างละเอียด การถ่ายภาพเอกซ์เรย์ การตรวจด้วยภาพเอกซเรย์คอมพิวเตอร์
และการตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ส่วนใหญ่แพทย์จะถามผู้ป่วยเกี่ยวกับลักษณะของอาการปวดหลังว่าท่านมีลักษณะอาการปวดอย่างไร
เคยได้รับอุบัติเหตุมาก่อนหรือไม่
มีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุของโรคปวดหลัง
มีสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
เช่นอุบัติเหตุ, ผลจากอายุที่มากขึ้น ทำให้มีการเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง
การติดเชื้อของกระดูกสันหลัง และโรคมะเร็งที่ลุกลามมาที่กระดูกโดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า
40 ปีที่มีอาการเจ็บปวดมากและขณะนอนพักก็ยังมีอาการปวดอยู่
อาการปวดหลังเนื่องมาจากกล้ามเนื้อสันหลังเกร็งตัว
กล้ามเนื้อของกระดูกสันหลังส่วนบั้นเอวนนี้เป็นส่วนที่สำคัญในเรื่องของการเคลื่อนไหว
การทรงตัว และกิจวัตรประจำวันของร่างกาย
เช่นการยืน การเดิน การยกของ ถ้าเรายืนหรือเดินในท่าที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการใช้งานกล้ามเนื้อหลังมากเกินไปจะทำให้กล้ามเนื้อมีการตึงเครียดมากขึ้น
ต่อมาทำให้มีอาการปวดหลังได้ ซึ่งการใช้งานของกล้ามเนื้อหลังมากไปเช่น
การยกของหนัก การยืนหรือเดินนานๆทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัว
ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของโรคปวดหลัง
บางครั้งอาจจะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วยเช่น โรคอ้วน การสูบบุหรี่
หรือในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการปวดหลังเนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น
และท้องที่โตขึ้นจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงของร่างกายเปลี่ยนแปลงทำให้มีอาการปวดหลังมากขึ้น
อายุ- พบว่าในผู้สูงอายุจะมีกระบวนการเสื่อมสลายของหมอนรองกระดูกสันหลัง
และข้อต่อระหว่างกระดูกสันหลัง
การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นกับทุกคนแล้วแต่ว่าใครจะเป็นมากหรือน้อย
ถ้ามีการเสื่อมมากก็จะทำให้เกิดอาการหลังแข็ง และปวดหลังตามมา
ซึ่งข้อต่อของกระดูกที่มีการเสื่อมสลายจะมีกระดูกงอกออกมาเนื่องจากการเสื่อมของข้อ
(อย่าเข้าใจผิดคิดว่าเกิดจากการรับประทานแคลเซียมมากเกินไป) กระดูกที่งอกออกมานี้อาจจะไปกดทับเส้นประสาท
ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลัง ร่วมกับปวดร้าวไปยังบริเวณสะโพก
และร้าวลงไปตามด้านหลังของต้นขา นอกจากนี้ผู้ป่วยยังอาจจะมีอาการชา
ซึ่งขึ้นอยู่กับเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นๆ
ส่วนใหญ่มักมีอาการชาที่บริเวณด้านข้างของขา
กระดูกพรุนและเกิดกระดูกสันหลังยุบ-เมื่ออายุมากขึ้นกระดูกจะบางลงโดยเฉพาะผู้หญิงที่หมดประจำเดือนทำให้กระดูกไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกได้จึงทำให้เกิดกระดูกสันหลังยุบลงในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกพรุน
หมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท
– หมอนรองกระดูกเป็นส่วนที่อยู่ระหว่างกระดูกสันหลัง 2 ชิ้น ในช่วงวัยเด็ก
และวัยหนุ่มสาวตรงกลางของหมอนรองกระดูกจะเป็นส่วนที่อ่อนนุ่มคล้ายเยลลี่
เมื่ออายุมากขึ้นในช่วงวัยกลางคนอาจพบว่ามีร่องหรือรอยร้าวเกิดขึ้นในหมอนรองกระดูกสันหลัง
ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหลัง
ถ้ารอยร้าวเป็นมากขึ้นอาจจะทำให้สารที่เป็นของเหลวที่อยู่ตรงกลางของหมอนรองกระดูกสันหลังไหลออกมา
ทำให้ไปกดทับเส้นประสาททำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร้าวลงไปที่น่องขา
และในส่วนของที่ไปกดทับนี้ยังมีสารเคมีบางอย่างไปทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเส้นประสาททำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดมาก
อะไรเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุด
เมื่อมีอาการปวดหลังผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหาสาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด
แล้วจึงรักษาตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ
ส่วนใหญ่มักจะตอบสนองดีต่อการรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน
การใช้หลังอย่างถูกวิธี การปรับเปลี่ยนอริยาบถในขณะยืน นั่งทำงาน
และยาลดการอักเสบและยาลดปวดเพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท การที่ได้นอนพัก
และทำงานเบาๆจะช่วยลดอาการปวดได้ผลดี เมื่ออาการปวดเริ่มทุเลาลง
ผู้ป่วยสามารถเริ่มทำกายภาพบำบัดซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อหลัง
และกล้ามเนื้อหน้าท้อง
ขณะเดียวกันก็ออกกำลังกายเพื่อยืดกล้ามเนื้อเพื่อที่จะเพิ่มความยืดหยุ่นแก่ร่างกาย
ถ้าท่านมีน้ำหนักมากก็จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนัก
และท่านที่สูบบุหรี่ก็ควรหยุดสูบบุหรี่ เพื่อลดโอกาสที่จะมีอาการปวดหลังอีกครั้ง
การรักษาในระยะยาวที่ได้ผลดีที่สุดก็คือการป้องกัน
โดยการฝึกกล้ามเนื้ออยู่ตลอดเวลา หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้มีอาการปวดหลังมาก
ระวังท่าทางในการยกของหนัก ถ้าจำเป็นต้องยก ก็ต้องทำอย่างถูกวิธี
เมื่อไหร่ที่ต้องรับการรักษาด้วยการผ่าตัด
ส่วนใหญ่อาการปวดหลังสามารถรักษาให้หายด้วยวิธีการไม่ต้องผ่าตัด
สาเหตุที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดเพราะต้องการกำจัดเอาสิ่งที่ไปกดทับเส้นประสาทเช่น
หมอนรองกระดูกสันหลังออกเนื่องจากเส้นประสาทถูกกด ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดมาก
แล้วอาการไม่ดีขึ้นหลังจากรับการรักษาด้วยยา
และการปรับเปลี่ยนท่าทางที่ถูกต้องแล้ว ในระยะเวลาที่เหมาะสม
หรือผู้ป่วยที่มีอาการของเส้นประสาทกดทับจนมีการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ
หรือมีอาการอุจจาระหรือปัสสาวะลำบาก
หลังส่วนล่าง
หลังประกอบไปด้วยส่วนประกอบคือ
·
กระดูกสันหลัง
·
หมอนรองกระดูกสันหลังซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันแรงกระแทกหรือกันชน
และช่วยปกป้องกระดูกสันหลัง
·
เส้นประสาท
·
กล้ามเนื้อและเอ็นยึดเพื่อสร้างความแข็งแรง
และช่วยในการเคลื่อนไหว
การป้องกันอาการปวดหลัง
โดยปกติอายุมากขึ้นจะทำให้เกิดกระดูกบางลง
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง สูญเสียความยืดหยุ่น
ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้
อย่างไรก็ตามยังมีวิธีที่จะช่วยชลอการเสื่อมของกระดูกสันหลังโดย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่จะทำหน้าที่ในการพยุงร่างกาย และเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย
- ยกของให้ถูกวิธี
- รักษาน้ำหนักของร่างกายให้เหมาะสม ระวังอย่าให้น้ำหนักมากกว่าที่ควรจะเป็น
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- พยายามจัดท่าทางของร่างกายให้เหมาะสม อย่าให้ตัวงอไม่ว่าจะเป็นท่านั่ง หรือท่ายืน
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ภาควิชาออร์โทปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
tleerapun@gmail.com , www.taninnit.com , Facebook: Dr.Keng หมอเก่ง,
line ID search : keng3407
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น