ปวดหลัง รักษาได้ไม่ผ่าตัด
บรรยายงานเสวนาโรคกระดูกและข้อ ให้ความรู้ประชาชน 21 กันยายน 2558 ณ โรงแรมดิเอ็มเพลส โดย ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ www.taninnit.com
รายการคุยกับหมอสวนดอก เรื่อง ปวดหลังรักษาได้ไม่ผ่าตัด
อธิบายเรื่อง อาการปวดหลัง
ปวดหลัง รักษาได้ไม่ผ่าตัด
อาการ ปวดหลัง นับว่าเป็นปัญหาสำคัญพบได้บ่อยที่สุดของโรคกระดูกและข้อสามารถเกิดขึ้นกับคน ทุกวัย ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว วัยทำงานจนถึงวัยผู้สูงอายุสาเหตุของอาการปวดหลังในวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน ส่วนใหญ่มักเกิดจากหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับเส้นประสาทและพฤติกรรม การจัดท่าในการทำงานที่ไม่ถูกต้อง การยกของไม่ถูกวิธีส่วนในวัยผู้สูงอายุสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากหมอนรอง กระดูกสันหลังเสื่อมกระดูกข้อต่อระหว่างกระดูกสันหลังมีการอักเสบเกิดกระดูก งอกเนื่องจากการเสื่อมมากดทับเส้นประสาททำให้เกิดอาการปวดหลังร้าวลงไปที่ บริเวณสะโพก บริเวณด้านหลังของต้นขาและบางครั้งอาจมีการปวดร้าวลงบริเวณน่อง ร่วมกับมีอาการชาบริเวณหลังเท้าและส้นเท้าร่วมด้วย ทำให้ผู้ป่วยทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดมีผลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเมื่อท่านมีอาการและอาการแสดงเกี่ยวกับอาการปวด หลังมีสัญญาณเตือนบางอย่างที่ทำให้ท่านต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย หรืออาจจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ มีอาการไข้เมื่อรักษาด้วยการรับประทานยาแก้ปวดแล้วอาการไม่ดีขึ้นผู้ที่มี ประวัติเคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อนมีอาการปวดหลังร่วมกับมีปัสสาวะเล็ดหรือไม่ สามารถกลั้นอุจจาระและปัสสาวะได้มีอาการอ่อนแรงของขา หรือเสียสมดุลของร่างกายมีอาการปวดหลังมากตอนกลางคืนหรือมีอาการปวดมากแม้ ไม่ได้ทำงานหรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้นการรักษาอาการปวดหลัง ทำได้โดย
1. การปฏิบัติตัวต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะทำให้มีอาการปวดหลังเพิ่มมากขึ้น ได้แก่การนั่งกับพื้น การก้มยกของหนักเพราะน้ำหนักของร่างการส่วนใหญ่จะลงตรงบริเวณกระดูกสันหลัง ส่วนเอวทำให้เกิดการอักเสบของกระดูกข้อต่อบริเวณกระดูกสันหลังทำให้ผู้ป่วย มีอาการปวดเพิ่มมากขึ้นการใช้เก้าอี้นั่งควรใช้ชนิดที่มีพนักพิงหลังเพราะจะ ช่วยลดแรงที่กระทำต่อกระดูกข้อต่อบริเวณสันหลังส่วนเอวการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมนับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นการแก้ที่สาเหตุของอาการปวด เพราะถ้าผู้ป่วยไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมทั้งการลดน้ำหนักตัวอาการปวดของผู้ป่วยก็มักจะไม่ทุเลาลงและถึงแม้ว่าจะ รับการรักษาด้วยการผ่าตัดในที่สุดผู้ป่วยก็จะกลับมามีอาการปวดอีกครั้งหนึ่ง
2. การใช้ยาลดอาการปวด และยาต้านการอักเสบ ชนิดรับประทาน เพื่อบรรเทาอาการปวด
3. การใช้ยาสเตียรอยด์ร่วมกับยาชาเฉพาะที่ฉีดเข้าไปยังช่องว่างโพรงประสาทบริเวณกระดูกก้นกบ โดยการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยในการระบุตำแหน่งที่ฉีด ทำให้การฉีดยาเข้าโพรงประสาทมีความแม่นยำมากยิ่งขึ้นและสามารถทำได้โดยไม่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จากการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยที่มีหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับเส้นประสาท ของ ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ พบว่าร้อยละ 90 ของผู้ป่วยมีอาการปวดลดลงเป็นอย่างมากภายหลังการติดตามผลการรักษาเป็นระยะเวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ยังช่วยให้การทำงานกิจวัตรประจำวัน
และคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น
ช่วยบรรเทาอาการปวดทำให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดได้สะดวกมากขึ้นสามารถลดอุบัติการณ์การผ่าตัดกระดูกสันหลังให้ผู้ป่วยได้
กลไกในการลดอาการปวดจากการฉีดยาสเตียรอยด์จะช่วยลดการบวมการอักเสบของเส้น
ประสาทที่ถูกกดทับทำให้การไหลเวียนของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงที่บริเวณเส้น
ประสาทบริเวณกระดูกสันหลังดีขึ้น
เส้นประสาทยุบบวมจากการอักเสบจึงทำให้อาการปวดหลังของผู้ป่วยดีขึ้น การ
ฉีดยาสเตียรอด์ชนิดฉีดเฉพาะที่เข้าไปยังช่องว่างของเส้นประสาทบริเวณกระดูก
สันหลังเป็นวิธีการที่ใช้บ่อยในการรักษาอาการปวดหลังร่วมกับอาการปวดร้าวลง
ขา
นอกจากนี้การฉีดยายังจะช่วยลดอาการชาและอาการอ่อนแรงอันเนื่องมาจากการ
อักเสบของเส้นประสาทได้
ยาที่ฉีดเข้าไปเป็นยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดเฉพาะที่ร่วมกับยาชาซึ่งตัวยาจะไป
อยู่รอบๆเส้นประสาทที่อยู่ภายในโพรงกระดูกสันหลัง
ยาชาอาจจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกชาในช่วงแรกประมาณ 1 – 6 ชั่วโมง
คุณสมบัติที่สำคัญของยาสเตียรอยด์คือเป็นยาที่มีฤทธิ์การลดการอักเสบที่ดี
มากเมื่อฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปในตำแหน่งของเส้นประสาทที่มีการอักเสบและบวม
ยานี้จะช่วยลดการอักเสบเป็นอย่างมากจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดให้แก่ผู้ป่วย
การ ลดการบวมของเส้นประสาทช่วยลดอาการชาและอาการอ่อนแรง
การฉีดยาสเตียรอยด์นี้จะมีผลช่วยบรรเทาอาการปวดชั่วคราวขึ้นอยู่กับลักษณะความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคล ซึ่งอาจมีฤทธิ์อยู่ได้ประมาณ 1 – 3 เดือน
ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดให้ผู้ป่วยทำให้ผู้ป่วยสามารถทำกายภาพบำบัดได้ง่าย
สะดวกมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้
เช่นในกรณีของโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาทจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการ
ปวดมากในระยะแรกอันเนื่องมาจากสารเคมีที่อยู่ภายในเนื้อของหมอนรองกระดูกสัน
หลังที่ฉีกขาดเป็นตัวการที่สำคัญในการทำให้เกิดกระบวนการอักเสบมักจะใช้ระยะ
เวลาหลายสัปดาห์ในการที่หมอนรองกระดูกเกิดการซ่อมแซมตนเองจนกระทั่งไม่มีการ
รั่วของสารเคมีออกมาระคายเคืองต่อเส้นประสาทซึ่งยาสเตียรอด์ชนิดฉีดเฉพาะที่
จะช่วยลดอาการปวดเมื่อเริ่มต้นและทำให้อาการต่างๆของผู้ป่วยทุเลาลงเป็น
อย่างมาก
สำหรับการรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทนั้น หลังจากฉีดยาแล้วส่วนใหญ่อาการปวดจะบรรเทาลงในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดยา หลังจากนั้นอาจจะเริ่มมีอาการปวดขึ้นมาอีกครั้งแต่จะเป็นไม่มากครับ ต่อจากนั้นก็สามารถใช้ยารับประทาน เพื่อควบคุมอาการปวดได้ครับ
การรักษาส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ประมาณ 80% ผู้ป่วยอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ แต่มีโอกาสกลับมาเป็นอีกครั้ง เพราะเป็นกระบวนการเสื่อมของร่างกาย การฉีดยาสามารถฉีดซำ้ได้ตามอาการ ยาที่ฉีดเป็นยาสเตียรอยด์ เป็นยาปริมาณตำ่ๆ 20 มิลลิกรัม ซึ่งน้อยมาก ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย เพราะร่างกายของคนเราสามารถรับปริมาณยาสเตียรอยด์ได้ประมาณ 400 มิลลิกรัมต่อปี ที่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อระบบไร้ท่อของร่างกายครับ จำนวนครั้งของการฉีดยาจะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรคที่เป็น การกดทับของเส้นประสาทมากหรือน้อยเพียงใด ถ้ากดมากๆๆ การฉีดยาอาจจะไม่ได้ผลดี ส่วนใหญ่จะแนะนำให้รักษาด้วยวิธีการไม่ผ่าตัดก่อน ถ้ารักษาไปแล้วประมาณ 5-6 เดือน อาการไม่ดีขึ้นเลย หรือมีอาการปัสสาวะลำบาก ก็อาจจะพิจารณาให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาส่วนที่มีการกดทับเส้นประสาทออก
ส่วนใหญ่หลังฉีดอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าน่าจะมีหมอนรองกระดูกขนาดใหญ่มากดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทบวมมาก ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ อาจจะต้องตรวจ MRIเพิ่มเติม เพื่อดูว่าหมอนรองกดมากหรือเปล่า และอาจจะลองฉีดยาซำ้อีก 3-4 ครั้งร่วมกับการปรับยารับประทาน นอกจากนี้ยังมียาลดการอักเสบอื่นที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ก้สามารถฉีดเพื่อลดการอักเสบได้ บรรเทาอาการปวดได้ดี
การฉีดยาสามารถฉีดซ้ำได้เรื่อยๆครับ ยาที่ฉีดมีทั้งที่เป็นสเตียรอยด์และไม่ใช่สเตียรอยด์ครับ การฉีดนั้นขึ้นกับเทคนิกการฉีด ไม่ได้มีปัญหาหรืออันตรายต่อร่างกายมากครับ ปกติถ้าฉีดยามากกว่า
3 ครั้งขึ้นไป
ผมจะใช้ยาฉีดลดการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เพื่อลดการอักเสบและอาการปวด
ลดความกังวลของคนไข้ที่ต้องใช้ยา
ซึ่งผลการระงับปวดได้ผลดีไม่ต่างจากสเตียรอยด์ครับ
ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆถึงจะพิจารณารักษาดวยการผ่าตัดครับ
วิธีการนี้เหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ต้องการรักษาด้วยการผ่าตัดกระดูกสันหลังหรือมีความเสี่ยงสูงจากการผ่าตัดตัวอย่างเช่นในผู้ป่วยสูงอายุที่มีปัญหาเรื่องของโรคช่องทางเดินของโพรงประสาทตีบตัน (spinal stenosis) อัน เนื่องมาจากกระบวนการเสื่อมของกระดูกสันหลังซึ่งจะทำให้ช่องทางเดินประสาท ตีบตันมีผลทำให้เกิดการอักเสบของเส้นประสาทที่อยู่ภายในโพรงของกระดูกสัน หลังทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวด ชา ปวดร้าวลงขาการรักษาด้วยวิธีการยาสเตียรอด์ชนิดฉีดเฉพาะที่เข้าไปในโพรง ประสาทจะช่วยลดการอักเสบ และลดการบวมของเส้นประสาทรวมทั้งลดความดันที่เกิดขึ้นต่อเส้นประสาทจะทำให้ บรรเทาอาการปวดและอาการชาแก่ผู้ป่วยลงได้
นอกจาก
นี้ยังใช้ได้ผลดีในกรณีที่ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดแล้วยังมี
อาการปวดหลังและอาการปวดชาร้าวลงขาซึ่งพยาธิสภาพที่เกิดหลังผ่าตัดคือการมี
พังผืดไปกดรัดเส้นประสาทหลังจากการผ่าตัดทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังร่วมกับ
อาการปวดร้าวลงขาอยู่การ
ฉีดยาสเตียรอด์ชนิดฉีดเฉพาะที่จะเป็นการช่วยแยกสลายพังผืดที่กดรัดรอบๆเส้น
ประสาท
และลดการอักเสบของเส้นประสาทและเนื้อเยื่ออ่อนที่อยู่รอบๆทำให้ช่วยลดอาการ
ปวดให้แก่ผู้ป่วยอีกทางหนึ่งด้วย
4.การทำกายบริหารและการยืดกล้ามเนื้อจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นเพิ่ม
มากขึ้นอาการปวดหลังเป็นปัญหาที่สำคัญดังนั้นการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
ทั้งในเรื่องของการนั่งทำงานที่ไม่ถูกต้อง
การยกของที่ไม่ถูกวิธีการรักษาด้วยการใช้ยารับประทานในผู้สูงอายุควรระวัง
การใช้ยาในกลุ่มต้านการอักเสบเพื่อลดอาการปวด
เพราะจะทำให้มีผลต่อกระเพาะอาหารทำให้ปวดท้องและบางครั้งอาจทำให้เลือดออกใน
กระเพาะอาหารได้การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทโดยการใช้คลื่นเสียง
ความถี่สูงบอกตำแหน่งนับว่าเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาแบบประคับประคอง
เพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น
แนวทาง
ในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังอาการปวดหลังร้าวลงขาอาการชาที่
มีประโยชน์อย่างหนึ่งโดยไม่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัดคือการฉีดยาสเตียรอด์ชนิด
ฉีดเฉพาะที่เข้าไปยังช่องว่างของเส้นประสาทบริเวณโพรงกระดูกสันหลังการฉีดยา
จะมีประโยชน์อย่างมากในการลดการอักเสบและการบวมของเส้นประสาทการรักษาด้วย
การฉีดยานี้มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญคือการควบคุมบรรเทาอาการปวดหลังและปวดขา
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบประคับประคองเพื่อลดอุบัติการณ์การผ่าตัด
ให้แก่ผู้ป่วย
การพยากรณ์โรคและคำถามสำหรับการฉีดยา
หลังจากฉีดยาแล้วส่วนใหญ่อาการปวดจะบรรเทาลงในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดยา หลังจากนั้นอาจจะเริ่มมีอาการปวดขึ้นมาอีกครั้งแต่จะเป็นไม่มากเหมือนกับที่ปวดในช่วงแรก ต่อจากนั้นก็สามารถใช้ยารับประทาน เพื่อควบคุมอาการปวดได้
ความถี่ในการฉีดยาและผลข้างเคียงนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของยาสเตียรอยด์ที่ใช้ รวมถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งโดยปกติแล้วปริมาณยาที่ผมใช้มีปริมาณประมาณ 10 - 20 มิลลิกรัมของยาสเตียรอยด์ ซึ่งถือว่าน้อยมาก เพราะร่างกายของคนเราสามารถรบปริมาณยาสเตียรอยด์ได้ประมาณ 400 มิลลิกรัมต่อปี ที่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงต่อระบบไร้ท่อของร่างกายครับ เทียบกับในอดีตที่มีการฉีดยาในปริมาณที่สูง ซึ่งจากผลของงานวิจัยที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่พบว่าปริมาณยาที่น้อยได้ผลดีเทียบเท่ากับการใช้ยาในปริมาณที่มาก ดังนั้นสำหรับผมเองการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทในปัจจุบันจะใช้ยาปริมาณเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อของร่างกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จึงสามารถฉีดยาได้บ่อยและถี่ขึ้นตามอาการของผู้ป่วย
ส่วนใหญ่หลังฉีดอาการมักจะดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ ถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าน่าจะมีหมอนรองกระดูกขนาดใหญ่มากดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทบวมมาก ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆ อาจจะต้องตรวจ MRIเพิ่มเติม เพื่อดูว่าหมอนรองกดมากหรือเปล่า และอาจจะลองฉีดยาซำ้อีก 5-6 ครั้งร่วมกับการปรับยารับประทาน ถ้าไม่ดีขึ้นจริงๆถึงจะพิจารณารักษาดวยการผ่าตัดครับ
การรักษาปวดหลัง โดยไม่ผ่าตัด ส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลาประมาณ 5-6 เดือน ประมาณ 80% ผู้ป่วยอาการดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดครับ แต่มีโอกาสกลับมาเป็นอีกครั้ง เพราะเป็นกระบวนการเสื่อมของร่างกาย การฉีดยาสามารถฉีดซำ้ได้ตามอาการ ยาที่ฉีดเป็นยาสเตียรอยด์ เป็นยาปริมาณตำ่ๆ ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย จำนวนครั้งของการฉีดยาจะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรคที่เป็น การกดทับของเส้นประสาทมากหรือน้อยเพียงใด ถ้ากดมากๆๆ การฉีดยาอาจจะไม่ได้ผลดี ส่วนใหญ่จะแนะนำให้รักษาด้วยวิธีการไม่ผ่าตัดก่อน ถ้ารักษาไปแล้วประมาณ 5-6 เดือนถึง 1 ปี อาการไม่ดีขึ้นเลย หรือมีอาการปัสสาวะลำบาก ก็อาจจะพิจารณาให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อเอาส่วนที่มีการกดทับเส้นประสาทออก
การรักษาได้ผลมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับ
1. โรคที่เป็น ว่ามีการกดทับเส้นประสาทมากน้อยเพียงใด ถ้ากดมาก หรือมีพังผืดไปรัดมากก็ไม่ค่อยได้ผลครับ ถ้าเป็นน้อยก็ได้ผลดี
2. พฤติกรรมการปฏิบัติตัว ปวดหลัง ป้องกันได้โดยปรับพฤติกรรม http://www.taninnit.com/general-knowledge-menu/back-neck-km/113-backpain-change.html
3. นำ้หนักของผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยมีนำ้หนักมากก็จะทำให้มีผลต่อการเกิดแรงกดที่กระดูกข้อต่อสันหลังเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีอาการปวดและรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงควรลดนำ้หนัก และปฏิบัติตนให้ถูกต้องเพื่อป้องกันการเกิดโรคกระดูกและข้อ (http://www.taninnit.com/general-knowledge-menu/general-km/176-bone-disease-suggest.html)
หลังจากฉีดยาแล้วส่วนใหญ่อาการปวดจะบรรเทาลงในช่วง 2 สัปดาห์แรกหลังฉีดยา หลังจากนั้นอาจจะเริ่มมีอาการปวดขึ้นมาอีกครั้งแต่จะเป็นไม่มากครับ ต่อจากนั้นก็สามารถใช้ยารับประทาน เพื่อควบคุมอาการปวดได้ครับ
รูปภาพแสดงการฉีดยาชาร่วมกับสตียรอยด์ชนิดฉีดเฉพาะที่เข้าไปในบริเวณโพรงประสาท
บริเวณกระเบนเหน็บเพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท ร่วมกับช่วยสลายพังผืดที่โอบรัดเส้นประสาท
บริเวณกระเบนเหน็บเพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาท ร่วมกับช่วยสลายพังผืดที่โอบรัดเส้นประสาท
ภาพแสดงการใช้เครื่องเสียงความถี่สูง Ultrasound มาช่วยในการกำหนดตำแหน่งที่ใช้ในการฉีดยา
ร่วมกับการยืนยันว่าปลายเข็มอยู่ภายในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดจากการฉีดยา
ร่วมกับการยืนยันว่าปลายเข็มอยู่ภายในตำแหน่งที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุดจากการฉีดยา
การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเป็นตัวนำเพื่อระบุตำแหน่งของการฉีดยา ให้ผลการรักษาและการได้ยาที่แม่นยำ
จากงานประชุมวิชาการประจำปีของราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์ ปี2558 ที่ รร.โรยัลคลิฟฟ์ พัทยา งานวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาทเพื่อรักษาอาการปวดหลังโดยใช้เครื่องเสียงความถี่สูงกำหนดตำแหน่งในการฉีดยา นำการเสนอผลงานวิจัยโดย นพ.วิทิต โพธิ์ทอง ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ทำการศึกษาที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับรางวัล best podium research award
ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของยาสเตียรอยด์ 20 มิลลิกรัมให้ผลในการรักษาอาการปวดหลังเทียบเท่ากับยาขนาด 40 มิลลิกรัม ดังนั้นการฉีดยาเข้าโพรงประสาทเพื่อระงับอาการปวดหลัง หรือปวดร้าวลงขา ทำให้มั่นใจได้ว่ามีประสิทธิภาพการรักษาให้ผลดี และลดการใช้ยาลง ทำให้มีความปลอดภัยต่อผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาอาการปวดหลังโดยไม่ผ่าตัดด้วยการฉีดยาเข้าโพรงประสาทได้ที่ http://taninnit-backpain.blogspot.com/
_________________________________________________
เชิญเพิ่มเพื่อนทาง line จาก หมอเก่ง กระดูกและข้อ
เพื่อรับข้อมูลข่าวสารสุขภาพกระดูกและข้อครับ
line id search @doctorkeng กรุณากดลิงค์ http://line.me/ti/p/%40vjn2149j
หรือที่ QR code
แล้วกด add นะครับ
อ่านความรู้โรคกระดูกและข้อเพิ่มเติมได้ที่
email: tleerapun@gmail.com
โทร 081-5303666
หมอเก่ง : ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (Taninnit Leerapun, MD, MS, MBA)
ภาควิชาออร์โทปิดิกส์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สันป่าข่อยคลินิก ติดกับโรงไม้อบทวีพรรณ
271 ถนนเจริญเมือง ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เวลาทำการ
จันทร์ ถึงศุกร์ 17-19.00 , เสาร์ อาทิตย์ 9-12.00
271 ถนนเจริญเมือง ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่
เวลาทำการ
จันทร์ ถึงศุกร์ 17-19.00 , เสาร์ อาทิตย์ 9-12.00
ที่อยู่ใน www.taninnit.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น