
ปวดก้นกบมา 2 สัปดาห์ เกิดจากอะไร? อันตรายไหม?
อาการปวดก้นกบเป็นอาการที่หลายคนเป็นได้ โดยเฉพาะวัยทำงาน วัยนั่งทำงาน หรือผู้ที่เคยล้ม–กระแทกก้นมาก่อน วันนี้หมอขอใช้กรณีของ คุณพงศ์ อายุ 27 ปี ที่มีอาการปวดก้นกบมา 2 สัปดาห์ เพื่ออธิบายให้เข้าใจง่ายว่าอาการนี้เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายหรือไม่ และควรดูแลอย่างไรให้ดีขึ้นเร็วที่สุด
อาการปวดก้นกบคืออะไร?
“ก้นกบ” หรือ coccyx เป็นกระดูกชิ้นท้ายสุดของกระดูกสันหลัง อยู่ตำแหน่งตรงกลางก้นด้านบนใกล้ ๆ รอยแยกก้น เป็นจุดที่มีเส้นเอ็น–พังผืด–กล้ามเนื้อเกาะเยอะ ทำให้ ปวดได้ง่ายแม้ไม่ได้ล้มแรง
อาการของคุณพงศ์ที่ปวดมา 2 สัปดาห์ เข้ากับภาวะที่เรียกว่า Coccydynia (ปวดก้นกบ) ซึ่งสาเหตุมีหลายแบบดังนี้
สาเหตุที่พบบ่อยในวัย 20–40 ปี
✔ 1) นั่งนาน นั่งผิดท่า หรือนั่งบนเก้าอี้แข็ง
เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของอาการปวดก้นกบในวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่นั่งต่อเนื่องเป็นชั่วโมง
✔ 2) กล้ามเนื้อ–พังผืดบริเวณก้นกบตึง
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกด้านล่างและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้เจ็บเมื่อก้ม นั่ง หรือเปลี่ยนท่า
✔ 3) กระดูกก้นกบเคลื่อนจากแรงกระแทก
เคยล้มก้นกระแทกพื้น แม้ไม่จำวันเวลาได้ชัด ก็อาจมีการเคลื่อนเล็ก ๆ ที่ทำให้ปวดเวลานั่งนาน
✔ 4) เอ็นรอบก้นกบอักเสบเรื้อรัง
ทำให้เจ็บจุดเดียวชัด เจ็บเวลาลุก–นั่ง หรือเวลานั่งเอนตัวไปด้านหลัง
✔ 5) อาการจากกล้ามเนื้อสะโพกลึก (Piriformis tightness)
ทำให้ปวดก้นล่างลึก ๆ บางครั้งร้าวลงขาเล็กน้อย
✔ 6) ถุงน้ำอักเสบพื้นที่ก้นกบ (Pilonidal cyst)
หากมีตุ่มนูน เจ็บมาก แดงร้อน หรือมีหนอง ต้องตรวจทันที
สาเหตุที่ “อันตรายจริง” พบได้น้อยมาก เช่น การติดเชื้อในกระดูกหรือเนื้องอกบริเวณก้นกบ แต่จะมีอาการหนัก เช่นปวดรุนแรง มีไข้ น้ำหนักลด ซึ่งคุณพงศ์ ไม่ได้มีอาการแบบนั้น จึงโอกาสน้อยมาก
อาการที่มักพบร่วมกัน
- ปวดเวลา “นั่งนาน ๆ” หรือเวลาลุกจากเก้าอี้
- ปวดแบบจี้ด ๆ หรือหน่วง ๆ ตรงกลางก้น
- กดจุดแล้วเจ็บ
- นอนราบหรือเดินแล้วดีขึ้น
- บางครั้งเจ็บเวลาถ่ายอุจจาระ (พบได้น้อย)
ถ้าปวดมากขึ้นตอนนั่งเอนไปด้านหลัง เช่น นั่งในรถ – นั่งพื้นแข็ง → ยิ่งเข้ากับอาการปวดก้นกบ
อาการแบบไหนต้องตรวจเพิ่มเติม?
ให้สังเกต 6 อาการนี้:
- ปวดมากจนยืน–เดินไม่ได้
- มีไข้ หนาวสั่น ร่วมกับปวดก้นกบรุนแรง
- มีรอยบวมแดงหรือคลำได้ก้อน (เสี่ยงติดเชื้อ)
- ปวดร้าวลงขามากผิดปกติ
- ปวดนานเกิน 4–6 สัปดาห์ไม่ดีขึ้น
- น้ำหนักลด อ่อนเพลียผิดปกติ
ถ้าไม่มีอาการเหล่านี้ → มักเป็นอาการที่รักษาแบบอนุรักษ์ได้ดี
การรักษาเบื้องต้น (ทำได้ทันที)
✔ 1) ปรับท่านั่ง
- ใช้เบาะรองก้นแบบ ตัว U หรือโดนัท เพื่อไม่ให้กดตรงตำแหน่งก้นกบ
- หลีกเลี่ยงเก้าอี้แข็ง
- ลุกเดินยืดตัวทุก 30–45 นาที
✔ 2) ประคบอุ่นวันละ 1–2 ครั้ง
ช่วยคลายกล้ามเนื้อและพังผืดรอบก้นกบ
✔ 3) บริหาร–ยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพก
- ท่า Piriformis stretch
- ท่า Child’s pose
- ท่า Cat–Cow เพื่อลดความตึงหลังล่าง
✔ 4) ยาแก้ปวด–ลดอักเสบแบบปลอดภัย
เช่น พาราเซตามอล หรือ NSAIDs แบบสั้น ๆ (ถ้าไม่มีโรคกระเพาะ ไต)
✔ 5) เลี่ยงการปั่นจักรยานหรือท่านั่งที่ลงน้ำหนักตรงก้นกบมาก
การรักษาขั้นคลินิก (ถ้าอาการไม่ดีขึ้น)
หากผ่านไป 2–4 สัปดาห์แล้วยังปวดอยู่ ควรพบแพทย์เพื่อ:
✔ ตรวจร่างกายเฉพาะจุด + อัลตราซาวนด์
ดูว่าก้นกบเคลื่อนหรือมีการอักเสบของเอ็น–พังผืด
✔ ฉีดยาลดอักเสบเฉพาะที่ (Ultrasound-guided)
ใช้ในกรณีปวดเรื้อรัง จุดกดเจ็บชัด ให้ผลดีในหลายราย
✔ กายภาพบำบัดเฉพาะทาง
ปลดล็อกข้อต่อก้นกบ–สะโพก คลายพังผืด เพิ่มความยืดหยุ่น
พยากรณ์โรค
ผู้ป่วยส่วนใหญ่ดีขึ้นใน 2–6 สัปดาห์ เมื่อดูแลถูกต้อง
เคสที่มีก้นกบเคลื่อนหรือมีพังผืดเรื้อรัง อาจใช้เวลา 6–12 สัปดาห์ แต่โดยรวมตอบสนองดีมาก ไม่ใช่โรคอันตราย
สรุปสำหรับคุณพงศ์ อายุ 27 ปี
อาการปวดก้นกบ 2 สัปดาห์ในคนหนุ่มสุขภาพดี มักเกิดจาก การนั่งนาน–พังผืดตึง–หรือมีการเคลื่อนของก้นกบจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
การพัก–ปรับท่านั่ง–ประคบอุ่น–ยืดสะโพกจะช่วยได้มากภายในไม่กี่วัน
หากผ่านไป 2–3 สัปดาห์ยังไม่ดีขึ้น หรือเริ่มปวดมากขึ้นตอนนอนหงาย–ลุกนั่ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะครับ
บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)
ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ
📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666
#ปวดก้นกบ #Coccydynia #ปวดนั่งนาน #ปวดสะโพก #หมอเก่ง #เชียงใหม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น