วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ปวดก้นกบมา 2 สัปดาห์ เกิดจากอะไร? อันตรายไหม?


ปวดก้นกบมา 2 สัปดาห์ เกิดจากอะไร? อันตรายไหม?

อาการปวดก้นกบเป็นอาการที่หลายคนเป็นได้ โดยเฉพาะวัยทำงาน วัยนั่งทำงาน หรือผู้ที่เคยล้ม–กระแทกก้นมาก่อน วันนี้หมอขอใช้กรณีของ คุณพงศ์ อายุ 27 ปี ที่มีอาการปวดก้นกบมา 2 สัปดาห์ เพื่ออธิบายให้เข้าใจง่ายว่าอาการนี้เกิดจากอะไรได้บ้าง อันตรายหรือไม่ และควรดูแลอย่างไรให้ดีขึ้นเร็วที่สุด

อาการปวดก้นกบคืออะไร?

“ก้นกบ” หรือ coccyx เป็นกระดูกชิ้นท้ายสุดของกระดูกสันหลัง อยู่ตำแหน่งตรงกลางก้นด้านบนใกล้ ๆ รอยแยกก้น เป็นจุดที่มีเส้นเอ็น–พังผืด–กล้ามเนื้อเกาะเยอะ ทำให้ ปวดได้ง่ายแม้ไม่ได้ล้มแรง

อาการของคุณพงศ์ที่ปวดมา 2 สัปดาห์ เข้ากับภาวะที่เรียกว่า Coccydynia (ปวดก้นกบ) ซึ่งสาเหตุมีหลายแบบดังนี้

สาเหตุที่พบบ่อยในวัย 20–40 ปี

✔ 1) นั่งนาน นั่งผิดท่า หรือนั่งบนเก้าอี้แข็ง

เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของอาการปวดก้นกบในวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่นั่งต่อเนื่องเป็นชั่วโมง

✔ 2) กล้ามเนื้อ–พังผืดบริเวณก้นกบตึง

โดยเฉพาะกล้ามเนื้อสะโพกด้านล่างและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ทำให้เจ็บเมื่อก้ม นั่ง หรือเปลี่ยนท่า

✔ 3) กระดูกก้นกบเคลื่อนจากแรงกระแทก

เคยล้มก้นกระแทกพื้น แม้ไม่จำวันเวลาได้ชัด ก็อาจมีการเคลื่อนเล็ก ๆ ที่ทำให้ปวดเวลานั่งนาน

✔ 4) เอ็นรอบก้นกบอักเสบเรื้อรัง

ทำให้เจ็บจุดเดียวชัด เจ็บเวลาลุก–นั่ง หรือเวลานั่งเอนตัวไปด้านหลัง

✔ 5) อาการจากกล้ามเนื้อสะโพกลึก (Piriformis tightness)

ทำให้ปวดก้นล่างลึก ๆ บางครั้งร้าวลงขาเล็กน้อย

✔ 6) ถุงน้ำอักเสบพื้นที่ก้นกบ (Pilonidal cyst)

หากมีตุ่มนูน เจ็บมาก แดงร้อน หรือมีหนอง ต้องตรวจทันที

สาเหตุที่ “อันตรายจริง” พบได้น้อยมาก เช่น การติดเชื้อในกระดูกหรือเนื้องอกบริเวณก้นกบ แต่จะมีอาการหนัก เช่นปวดรุนแรง มีไข้ น้ำหนักลด ซึ่งคุณพงศ์ ไม่ได้มีอาการแบบนั้น จึงโอกาสน้อยมาก

อาการที่มักพบร่วมกัน

  • ปวดเวลา “นั่งนาน ๆ” หรือเวลาลุกจากเก้าอี้
  • ปวดแบบจี้ด ๆ หรือหน่วง ๆ ตรงกลางก้น
  • กดจุดแล้วเจ็บ
  • นอนราบหรือเดินแล้วดีขึ้น
  • บางครั้งเจ็บเวลาถ่ายอุจจาระ (พบได้น้อย)

ถ้าปวดมากขึ้นตอนนั่งเอนไปด้านหลัง เช่น นั่งในรถ – นั่งพื้นแข็ง → ยิ่งเข้ากับอาการปวดก้นกบ

อาการแบบไหนต้องตรวจเพิ่มเติม?

ให้สังเกต 6 อาการนี้:

  1. ปวดมากจนยืน–เดินไม่ได้
  2. มีไข้ หนาวสั่น ร่วมกับปวดก้นกบรุนแรง
  3. มีรอยบวมแดงหรือคลำได้ก้อน (เสี่ยงติดเชื้อ)
  4. ปวดร้าวลงขามากผิดปกติ
  5. ปวดนานเกิน 4–6 สัปดาห์ไม่ดีขึ้น
  6. น้ำหนักลด อ่อนเพลียผิดปกติ

ถ้าไม่มีอาการเหล่านี้ → มักเป็นอาการที่รักษาแบบอนุรักษ์ได้ดี

การรักษาเบื้องต้น (ทำได้ทันที)

✔ 1) ปรับท่านั่ง

  • ใช้เบาะรองก้นแบบ ตัว U หรือโดนัท เพื่อไม่ให้กดตรงตำแหน่งก้นกบ
  • หลีกเลี่ยงเก้าอี้แข็ง
  • ลุกเดินยืดตัวทุก 30–45 นาที

✔ 2) ประคบอุ่นวันละ 1–2 ครั้ง

ช่วยคลายกล้ามเนื้อและพังผืดรอบก้นกบ

✔ 3) บริหาร–ยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพก

  • ท่า Piriformis stretch
  • ท่า Child’s pose
  • ท่า Cat–Cow เพื่อลดความตึงหลังล่าง

✔ 4) ยาแก้ปวด–ลดอักเสบแบบปลอดภัย

เช่น พาราเซตามอล หรือ NSAIDs แบบสั้น ๆ (ถ้าไม่มีโรคกระเพาะ ไต)

✔ 5) เลี่ยงการปั่นจักรยานหรือท่านั่งที่ลงน้ำหนักตรงก้นกบมาก

การรักษาขั้นคลินิก (ถ้าอาการไม่ดีขึ้น)

หากผ่านไป 2–4 สัปดาห์แล้วยังปวดอยู่ ควรพบแพทย์เพื่อ:

✔ ตรวจร่างกายเฉพาะจุด + อัลตราซาวนด์

ดูว่าก้นกบเคลื่อนหรือมีการอักเสบของเอ็น–พังผืด

✔ ฉีดยาลดอักเสบเฉพาะที่ (Ultrasound-guided)

ใช้ในกรณีปวดเรื้อรัง จุดกดเจ็บชัด ให้ผลดีในหลายราย

✔ กายภาพบำบัดเฉพาะทาง

ปลดล็อกข้อต่อก้นกบ–สะโพก คลายพังผืด เพิ่มความยืดหยุ่น

พยากรณ์โรค

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ดีขึ้นใน 2–6 สัปดาห์ เมื่อดูแลถูกต้อง

เคสที่มีก้นกบเคลื่อนหรือมีพังผืดเรื้อรัง อาจใช้เวลา 6–12 สัปดาห์ แต่โดยรวมตอบสนองดีมาก ไม่ใช่โรคอันตราย

สรุปสำหรับคุณพงศ์ อายุ 27 ปี

อาการปวดก้นกบ 2 สัปดาห์ในคนหนุ่มสุขภาพดี มักเกิดจาก การนั่งนาน–พังผืดตึง–หรือมีการเคลื่อนของก้นกบจากกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

การพัก–ปรับท่านั่ง–ประคบอุ่น–ยืดสะโพกจะช่วยได้มากภายในไม่กี่วัน

หากผ่านไป 2–3 สัปดาห์ยังไม่ดีขึ้น หรือเริ่มปวดมากขึ้นตอนนอนหงาย–ลุกนั่ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมนะครับ

บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์

สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่

ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)

ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อ

📱 Line ID: @doctorkeng โทร 081-5303666

#ปวดก้นกบ #Coccydynia #ปวดนั่งนาน #ปวดสะโพก #หมอเก่ง #เชียงใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น