วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ผู้สูงอายุปวดหลังร้าวลงขา เดินไกลไม่ได้... ต้องผ่าตัดทุกคนไหม?

 


ผู้สูงอายุปวดหลังร้าวลงขา เดินไกลไม่ได้... ต้องผ่าตัดทุกคนไหม?

"คุณหมอคะ คุณแม่เดินไปหน้าปากซอยไม่ไหวแล้วค่ะ เดินได้แค่แป๊บเดียวก็บ่นปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ต้องนั่งพักตลอด ยิ่งยืนนาน ๆ ยิ่งปวด แบบนี้กระดูกทับเส้นหรือเปล่าคะ แล้วต้องผ่าตัดไหม ท่านอายุเยอะแล้ว กลัวผ่าแล้วเดินไม่ได้ค่ะ"

นี่คือความกังวลใจของลูกหลานที่หมอได้ยินแทบทุกวันครับ อาการปวดหลังในผู้สูงอายุ เป็นเรื่องที่บั่นทอนความสุขในชีวิตบั้นปลายมาก ๆ จากคนที่เคยไปวัด ไปตลาด หรือทำสวนได้ กลายเป็นต้องนั่ง ๆ นอน ๆ เพราะความเจ็บปวด

วันนี้หมออยากพามาทำความเข้าใจโรคยอดฮิตในผู้สูงวัย ที่ชื่ออาจจะฟังดูยากอย่าง "กระดูกสันหลังเสื่อมและเคลื่อน" (Spondylosis & Spondylolisthesis) ว่ามันคืออะไร ร้ายแรงแค่ไหน


ทำไมผู้สูงอายุถึงปวดหลัง? มารู้จัก "เสื่อม" และ "เคลื่อน"

พออายุมากขึ้น ร่างกายก็เหมือนบ้านที่ผ่านการใช้งานมานานครับ ย่อมมีความสึกหรอเป็นธรรมดา ในกระดูกสันหลังของเราก็เช่นกัน มักจะเกิดปัญหา 2 อย่างนี้คู่กันครับ:

1. กระดูกสันหลังเสื่อม (Spondylosis): เปรียบเหมือนข้อต่อของบ้านที่เริ่มฝืด สนิมเกาะ หมอนรองกระดูกที่เคยยืดหยุ่นก็เริ่มทรุดตัวลง ทำให้ช่องทางออกของเส้นประสาทตีบแคบลง

2. กระดูกสันหลังเคลื่อน (Spondylolisthesis): อันนี้สำคัญครับ เกิดจากความเสื่อมที่ทำให้ข้อต่อ "หลวม" จนกระดูกชิ้นบน ไหลเลื่อนมาทับกระดูกชิ้นล่าง (ส่วนใหญ่มักเป็นที่กระดูกเอวข้อที่ 4 และ 5)

พอทั้ง "เสื่อม" และ "เคลื่อน" มารวมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ "โพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ" ไปบีบกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการที่เป็นเอกลักษณ์มาก ๆ คือ:

  • ปวดหลังส่วนล่าง: มักปวดตื้อ ๆ ขัด ๆ เวลาขยับตัว
  • ปวดร้าวลงขา: อาจมีอาการชา หรืออ่อนแรงร่วมด้วย
  • เดินไกลไม่ได้ (Neurogenic Claudication): นี่คือจุดสังเกตสำคัญ! คนไข้จะเดินได้พักเดียวแล้วปวดขา ปวดน่อง จนต้องหยุดนั่งพัก หรือต้อง "ก้มตัว" (เช่น เข็นรถเข็นในห้าง) แล้วจะรู้สึกดีขึ้น เพราะการก้มช่วยถ่างขยายช่องเส้นประสาทครับ

รักษาอย่างไร? จำเป็นต้องผ่าตัดทุกคนไหม?

คำตอบคือ "ไม่จำเป็นครับ" คนไข้ส่วนใหญ่ (กว่า 80-90%) สามารถอาการดีขึ้นได้ด้วยการรักษาแบบประคับประคอง (Conservative Treatment) โดยไม่ต้องลงมีดผ่าตัด

หมอมีบันไดการรักษาเป็นขั้น ๆ ดังนี้ครับ:

ขั้นที่ 1: ปรับพฤติกรรมและกายภาพบำบัด

  • เสื้อเกราะอ่อน (L-S Support): ใส่เพื่อพยุงหลังเวลาต้องเดินไกล หรือนั่งรถนาน ๆ (แต่อย่าใส่ตอนนอน)
  • บริหารกล้ามเนื้อหลัง: การทำกายภาพบำบัดเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว จะช่วยพยุงกระดูกที่หลวมให้มั่นคงขึ้นได้
  • ยา: ยาลดปวด ยาลดการอักเสบ หรือยากลุ่มระงับปวดเส้นประสาท (ตามดุลยพินิจของแพทย์)

ขั้นที่ 2: การฉีดยาเข้าโพรงกระดูกสันหลัง ถ้ากินยาแล้ว กายภาพแล้ว ยังปวดจนรบกวนชีวิตประจำวัน แต่ไม่อยากผ่าตัด หรือสภาพร่างกายไม่พร้อมผ่าตัด หมอแนะนำวิธีนี้ครับ...


ทางออกคนกลัวผ่าตัด: การฉีดยาสเตียรอยด์ระงับการอักเสบ ผ่านทางก้นกบ (Ultrasound-guided Caudal Epidural Steroid Injection)

ชื่ออาจจะยาวหน่อย แต่หลักการเข้าใจง่ายมากครับ มันคือการ "ส่งยาลดอักเสบไปที่เป้าหมายโดยตรง"

ในผู้สูงอายุที่มีกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม เส้นประสาทจะบวมแดงจากการถูกกดทับ การกินยาบางทีมันไปไม่ถึงจุดที่อักเสบเข้มข้นพอ เราจึงใช้วิธีฉีดยาเข้าไป "ล้าง" และ "ลดบวม" ที่รอบ ๆ เส้นประสาทเลย

เทคนิคที่ใช้คือ:

  1. ใช้อัลตราซาวนด์นำวิถี (Ultrasound Guidance): สมัยก่อนอาจต้องใช้การคลำ หรือเอกซเรย์ แต่เดี๋ยวนี้หมอใช้อัลตราซาวนด์สแกนดูตำแหน่ง "รูเปิดที่ก้นบ" (Sacral Hiatus) ทำให้เห็นภาพชัดเจน โดยไม่ต้องเสี่ยงรับรังสีจากเอกซเรย์
  2. ใช้สเตียรอยด์โดสต่ำ (Low Dose Steroid): หลายคนกลัวคำว่าสเตียรอยด์ แต่การฉีดเฉพาะจุดแบบนี้ เราใช้ปริมาณน้อยมาก เพื่อหวังผลลดการอักเสบเฉพาะที่ ไม่ได้ฉีดเข้าเส้นเลือด จึงปลอดภัยจากผลข้างเคียงทั่วร่างกาย
  3. เจ็บน้อย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล: ใช้เวลาทำแค่ 10-15 นาที ฉีดยาชาเฉพาะที่ พักสังเกตอาการแป๊บเดียวก็กลับบ้านได้เลย

ผลลัพธ์ที่ได้: คนไข้ส่วนมากจะรู้สึกเบาตัว อาการปวดร้าวลงขาลดลงอย่างชัดเจนภายใน 3-7 วัน ช่วยให้กลับไปทำกายภาพบำบัดได้ดีขึ้น และชะลอหรือเลี่ยงการผ่าตัดไปได้นานครับ


เมื่อไหร่ที่ "หนีไม่พ้น" ต้องผ่าตัด?

แม้หมอจะพยายามเลี่ยงการผ่าตัดให้มากที่สุด แต่ในบางกรณี การผ่าตัดก็เป็นสิ่งที่ "จำเป็นต้องทำ" เพื่อรักษาคุณภาพชีวิตและการทำงานของเส้นประสาทครับ ข้อบ่งชี้ในการผ่าตัด ได้แก่:

  1. ขาอ่อนแรงชัดเจน: เช่น กระดกข้อเท้าไม่ขึ้น (Foot drop) ขาลีบลง ซึ่งแปลว่าเส้นประสาทถูกกดทับรุนแรงจนเริ่มเสียหาย
  2. ระบบขับถ่ายล้มเหลว: กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ (Cauda Equina Syndrome) อันนี้ต้องผ่าตัดด่วนที่สุดครับ
  3. รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่หาย: กินยาก็แล้ว กายภาพก็แล้ว ฉีดยาก็แล้ว ผ่านไป 3-6 เดือน อาการยังปวดรุนแรงจนใช้ชีวิตไม่ได้ นอนไม่หลับ เดินไปไหนไม่ได้เลย

การผ่าตัดทำอะไร? หลัก ๆ คือการเข้าไป "ขยายช่องทางเดินประสาท" (Decompression) และถ้ากระดูกเคลื่อนมาก ๆ อาจต้องมีการ "ใส่เหล็กดามกระดูก" (Fusion) เพื่อให้กระดูกสันหลังมั่นคง ไม่โยกคลอนครับ


สรุป

โรคกระดูกสันหลังเสื่อมและเคลื่อนในผู้สูงอายุ เป็นเรื่องธรรมชาติของความชราครับ ไม่อยากให้ตื่นตระหนก แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ

หากคุณพ่อคุณแม่เริ่มบ่นปวดหลัง เดินไกลไม่ได้ ลองพามาตรวจดูครับ การวินิจฉัยที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้เรามีทางเลือกในการรักษาที่หลากหลาย โดยเฉพาะ "การฉีดยาระงับปวดด้วยอัลตราซาวนด์" ซึ่งเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและช่วยให้ผู้สูงอายุกลับมามีรอยยิ้ม เดินเหินได้คล่องแคล่วขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัวผ่าตัดครับ

ความสุขของผู้สูงอายุ คือการได้เคลื่อนไหว ได้ไปเที่ยว ได้ทำกิจกรรมร่วมกับลูกหลาน หน้าที่ของหมอคือช่วยคืนช่วงเวลาเหล่านั้นกลับมาให้ครับ


บทความนี้ให้ข้อมูลทั่วไป หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์สามารถปรึกษาปัญหากระดูกและข้อ หรืออาการปวด ได้ที่ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ (หมอเก่ง)ผู้เชี่ยวชาญโรคกระดูกและข้อสอบถามปัญหาโรคกระดูกและข้อ ปวดหลัง ปวดคอ ปวดเข่า ปวดไหล่ กระดูกพรุน ได้ครับ📱 Line ID: @doctorkeng

#ปวดหลังผู้สูงอายุ #กระดูกสันหลังเคลื่อน #กระดูกทับเส้น #ฉีดยาบล็อกหลัง #UltrasoundGuided #ไม่ผ่าตัด #หมอเก่งกระดูกและข้อ #Spondylolisthesis #เดินไกลไม่ได้ #ปวดร้าวลงขา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น